ฟันปลอม คือ อุปกรณ์เทียมที่ใช้ทดแทนฟันที่หายไปหรือฟันที่ถูกถอนออก ซึ่งฟันปลอมมีอยู่หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นฟันปลอมแบบถอดได้หรือฟันปลอมแบบติดแน่น แต่ละรูปแบบก็จะแบ่งย่อยออกได้อีกหลายประเภท มีความแตกต่างและมีข้อดีที่ต่างกันออกไปกันไปขึ้นอยู่กับปัญหาการสูญเสียฟันของแต่ละบุคคล มาดูกันว่าฟันปลอมแต่ละแบบแตกต่างกันอย่างไรและฟันปลอมแบบไหนที่จะเหมาะกับคุณ
ฟันฟลอม คืออะไร ?
ฟันปลอม (Denture) คือ อุปกรณ์เทียมที่ใช้ทดแทนฟันที่สูญเสียไปหรือฟันที่ถูกถอนออก ซึ่งมีทั้งฟันปลอมสำหรับฟันที่สูญเสียไปบางซี่หรือสูญเสียไปทั้งหมด โดยฟันปลอมจะมีหน้าที่ช่วยให้ผู้ใช้งานกลับมามีประสิทธิภาพการบดเคี้ยวที่ดีขึ้นและยังช่วยเพ่มความมั่นใจในการพูดหรือยิ้มอีกด้วย ฟันปลอมถือว่าเป็นตัวช่วยที่ดีที่จะทำให้คนที่มีปัญหาสูญเสียฟันไป กลับมามีความสุขได้อีกครั้ง เรียกได้ว่าถ้ามีปัญหาสูญเสียฟัน การทำฟันปลอมถือว่าเป็นตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพสูงเลยทีเดียว ทำครั้งเดียวสามารถอยู่ได้นานและมีความทนทานค่อนข้างสูง
ซึ่งอายุการใช้งานของฟันปลอมก็จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของฟันปลอม วัสดุที่ใช้ และการดูแลรักษา ซึ่งโดยทั้วไปสามารถอยู่ได้นานถึง 5-10 ปี หรือบางชนิดก็สามารถใช้งานได้ยาวนาน 20 ปี ถึงตลอดชีวิตเลยก็ได้ มาดูกันเลยว่าฟันปลอมแต่ละแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร
ประเภทของฟันปลอม ฟันปลอมมีกี่แบบ ?
ฟันปลอม สามารถแบ่งได้ 2 แบบ คือ “ฟันปลอมแบบถอดได้” และ “ฟันปลอมแบบติดแน่น”
1. ฟันปลอมแบบถอดได้
ฟันปลอมชนิดถอดได้ คือ ฟันปลอมที่สามารถถอดเข้าและออกได้โดยผู้ใช้งานเอง ฟันปลอมชนิดนี้จะถูกออกแบบให้เหมาะสมกับช่องปากของแต่ละคน เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกในการเคี้ยวอาหาร การพูด และเพิ่มความมั่นใจ สามารถแบ่งได้ ดังนี้

ฟันปลอมแบบบางซี่ : สำหรับผู้ที่สูญเสียฟันไปบางซี่ ฟันปลอมชนิดนี้ก็จะถูกติดตั้งโดยใช้ฐานฟันปลอมยึดติดกับฟันธรรมชาติที่หลงเหลืออยู่ ซึ่งวัสดุของฐานฟันปลอมจะมีอยู่หลากหลายประเภท
ฟันปลอมฐานโลหะ
- แข็งแรง ทนทาน มากกว่าชนิดอื่นๆ สามารถอยู่ได้นานถึง 10 ปี
- ราคาสูงกว่าฐานชนิดอื่นๆ อาจมองเห็นโลหะ
ฟันปลอมฐานยืดหยุ่น
- สวมใส่ง่าย ฐานมีความยืดหยุ่น ดูธรรมชาติ ไม่มีตะขอโลหะ
- แข็งแรงน้อยกว่าฟันปลอมฐานโลหะ
- ฟันปลอมฐานพลาสติก
- น้ำหนักเบา ราคาไม่สูง
- แตกหักง่าย อาจเปลี่ยนสีเมื่อใช้ไปนานๆ อาจมองเห็นตะขอโลหะ
ฟันปลอมเต็มปาก : สำหรับผู้ที่สูญเสียฟันไปทั้งหมด ซึ่งฟันปลอมชนิดนี้จะครอบคลุมทั้งขากรรไกรบนและล่างวัสดุที่ใช้สามารถเลือกได้ 2 แบบ คือ ฐานอะคริลิก และ ฐานโลหะ
- สามารถทดแทนฟันธรรมชาติไ้ทั้งหมดในปาก
- อาจมีปัญหาในเรื่องของความหลวม ต้องถอดเข้า ถอดออกบ่อย
2. ฟันปลอมแบบติดแน่น
ฟันปลอมแบบติดแน่น คือ ฟันปลอมที่ถูกติดตั้งถาวรในปาก มักยึดติดกับฟันธรรมชาติที่เหลืออยู่หรือฝังลงในกระดูกขากรรไกร ซึ่งมีความมั่นคง คงทน ไม่ต้องถอดเข้าถอดออก มีประสิทธิภาพในการใช้งานสูงที่สุดทั้งการพูดและเคี้ยว และมีความคล้ายฟันธรรมชาติมากที่สุด สามารถแบ่งได้ ดังนี้
สะพานฟัน : ใช้ทดแทนฟันที่สูญเสียไป 1-3 ซี่
- สะพานฟันชนิดยึดติดกับฟันธรรมชาติ
- ใช้ฟันธรรมชาติซี่ที่อยู่ข้างๆ เป็นหลักในการยึดติดกับฟันปลอม
- สะพานฟันชนิดยึดติดกับรากฟันเทียม
- ใช้ในกรณีที่ไม่เหลือฟันธรรมชาติให้เป็นหลักยึด สะพานฟันชนิดนี้ก็จะยึดติดกับรากฟันเทียทแทน
รากฟันเทียม: เป็นการฝังรากฟันเทียมลงไปในกระดูกขากรรไกรแทนรากฟันธรรมชาติ วัสดุทำจากไทเทเนียม เข้ากับร่างกายมนุษย์ได้ดี เป็นการทดแทนฟันที่มีความแข็งแรงและทนทานมากที่สุด สามารถอยู่ได้นานถึง 20 หรือถ้าดูแลรักาาดีๆ ก็สามารถอยู่ได้ถาวร สามารถทำได้ทั้งในกรณีที่สูญเสียฟันบางซี่หรือสูญเสียฟันทั้งปาก
เปรียบเทียบ “ข้อดี” และ “ข้อเสีย” ของฟันปลอมแต่ละแบบ
ฟันปลอมแต่ละแบบก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับความต้องการ ปัญหาการสูญเสียฟัน และวัตถุประสงค์ในการใช้งานของแต่ละบุคคล
ฟันปลอมแบบถอดได้ ข้อดี Vs ข้อเสีย
ข้อดี
- ราคาไม่สูง ถูกกว่าฟันปลอมแบบติดแน่น เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่มีงบประมาณจำกัด
- ทำความสะอาดง่าย สามารถถอดออกมาทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึง ลดปัญหาคราบอาหารและเชื้อแบคทีเรียสะสม
ข้อเสีย
- ไม่มั่นคงเท่าฟันปลอมแบบติดแน่นและอาจมีปัญหาต่อการพูดหรือการบดเคี้ยวอาหารในบางครั้ง
- ต้องถอดเข้าถอดออกทุกวัน อาจส่งผลต่อการหลงลืมหรือหายได้
- อาจเสียดสีและทำให้เกิดแผลในปากได้ หากฟันปลอมไม่พอดีหรือมีการเคลื่อนที่
- มีอายุการใช้งานที่จำกัด เสื่อมสภาพเร็วกว่าฟันปลอมแบบติดแน่น หากใช้ไปนานๆ จะต้องปรับแก้หรือเปลี่ยนใหม่
ฟันปลอมแบบติดแน่น ข้อดี Vs ข้อเสีย
ข้อดี
- มีความมั่นคงสูง ไม่ต้องถอดเข้าถอดออก ไม่เคลื่อนที่ขณะพูดหรือเคี้ยวอาหาร
- แข็งแรง ทนทานเหมือนฟันธรรมชาติ อยู่ได้นาน 20 ปี หรือถาวร
- ลักษณะ รูปร่าง และสี คล้ายฟันธรรมชาติมากที่สุด
- ไม่ต้องถอดเข้าถอดออก ยึดติดแน่นไปในปาก ดูแลทำความสะอาดง่าย เหมือนดูแลฟันธรรมชาติ
- ถ้าทำรากฟันเทียม ไม่ต้องกรอฟันธรรมชาติ ช่วยรักษาฟันธรรมชาติไว้ได้
- ถ้าทำรากฟันเทียม จะช่วยรักษาความหนาแน่นของกระดูก ไม่ทำให้กระดูกละลายหรือปริมาณลดลง
ข้อเสีย
- ราคาสูงกว่าฟันปลอมแบบถอดได้
- ไม่สามารถปรับแก้ได้เหมือนฟันปลอมแบบถอดได้ หากไม่พอดีหรือเกิดปัญหาหลังจากการติดตั้ง จะแก้ไขได้ยากและต้องใช้เวลา
การเลือกทำฟันปลอมให้เหมาะสมและดีที่สุด ควรเลือกให้เข้ากับสภาพฟันและความต้องการของตัวผู้ใช้เอง ทางที่ดีควรเข้ามาปรึกษาทันตแพทย์ เพื่อหาทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวคุณเอง
มีปัญหาเรื่องฟันหรืออยากปรึกษาเรื่องการทำฟันปลอมเพื่อทดแทนฟันธรรมชาติที่สูญเสียไป สามารถมาได้ที่ Your Smile Dental Clinic ทีมแพทย์มากประสบการณ์พร้อมดูแลรักษาให้คุณกลับมาพูดและยิ้มได้อย่างมั่นใจ และคืนประสิทธิภาพการบดเคี้ยวของคุณให้กลับมาดีเหมือนเดิม